Thursday, September 15, 2011

บทละคร รอยไหม ตอนที่ 8


สุริยวงศ์พาเรรินนั่งรถออกไปด้วยกัน ระหว่างทางเขาเห็นเธอยังตกใจกลัวไม่หาย จึงเอื้อมมือมาแตะหวังปลอบใจ แต่เรรินสะดุ้งสุดตัวเพราะขวัญกระเจิง

“ขอโทษครับ...ผมขอโทษ ผมน่าจะฆ่ามันให้ตายคามือไปเลย” สุริยวงศ์แค้นไม่หาย

ชายหนุ่มตัดสินใจพาเรรินไปพักที่บ้านของเขา เพราะเกรงว่า ธนินทร์จะตามไปทำร้ายเธอที่รีสอร์ตอีก เรรินปฏิเสธเพราะเกรงใจ แต่สุริยวงศ์ยืนยันว่า ความปลอดภัยของเธอสำคัญกว่าอะไรทั้งนั้น

“คุณรู้ได้ยังไง ว่าธนินทร์คิดร้ายกับฉัน”

“คุณรินจะโกรธผมรึเปล่า ถ้าผมจะบอกว่า ผมตาม

คุณรินไปห่างๆตั้งแต่คุณรินออกจากคุ้มเจ้าหลวงแล้ว ถึงต้องตายผมก็ยินดีปกป้องคุณรินด้วยชีวิตของผมครับ” สุริยวงศ์ให้คำมั่น

เรรินแทบน้ำตาร่วง สุริยวงศ์ถามเรื่องแจ้งความ เรรินส่ายหน้าขอให้ทุกอย่างจบลงเท่านี้ สุริยวงศ์เข้าใจเขาเปลี่ยนเรื่องชวนเธอขึ้นไปพัก เรรินขยับจะลุกแต่ก็ชะงักเพราะคลำไม่เจอสร้อยที่คอ
“ตายจริง...สร้อยค่ะ สร้อยเส้นนั้นขาดไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เอาไว้ผมจะหาเส้นใหม่มาให้” สุริยวงศ์รับปาก
เวลาเดียวกันนั้น ธนินทร์กลับไปให้สรัญญาช่วยทำแผลที่โรงแรม สรัญญาเตือนให้เตรียมหาคำตอบแก้ตัวกับผู้ใหญ่ให้ดี เพราะเรรินต้องแจ้งความเอาเรื่องเขาแน่
“กูไม่กลัวหรอกโว้ย ถ้ามันคิดจะเดินจากไปง่ายๆ ก็ฝันไปเหอะ” ธนินทร์แค้นไม่เลิก
วันต่อมา วันดารามาหาสุริยวงศ์พร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าของเรริน เพราะสุริยวงศ์โทร.บอกเธอตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว วันดารากอดเรียกขวัญให้เรรินพลางแนะนำให้อยู่กับสุริยวงศ์ ที่นี่ก่อนเพื่อความปลอดภัย
“รินกลายเป็นภาระของพี่วันกับคุณสุริยะแท้ๆ”
“อย่าอู้อย่างอั้นคุณริน ปี้กับสุริยะบ่เกยคิดอย่างอั้นเลย สำหรับปี้ คุณรินเหมือนน้องสาวแต้ๆของปี้คนหนึ่ง”
“ขอบคุณค่ะพี่วัน รินไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี”
“คุณรินสบายใจ๋ปี้ก่อสบายใจ๋ อยู่ตี้นี่บ่ต้องเกรงใจ๋อะหยังทั้งนั้น...หรือว่าถ้าคุณรินอยากจะกลับกรุงเทพฯ  ปี้ก่อจะได้จองตั๋วเครื่องบินหื้อ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่วัน รินยังไม่อยากกลับไปตอนนี้ รินมีธุระบางอย่างที่นี่ ที่อยากจะทำให้เสร็จเสียก่อนค่ะ” เรริน มุ่งมั่น
วันดาราไม่ซักต่อ แต่สุริยวงศ์เริ่มแน่ใจแล้ว ว่าธุระของเรรินคืออะไร
ooooooo
สรัญญาแวะมาหาวงพระจันทร์ที่ห้องเสื้อ เธอพูด เป็นนัยๆเรื่องปัญหาหัวใจระหว่างวงพระจันทร์กับสุริยวงศ์ หวังหาแนวร่วมจัดการกับเรริน เวลาเดียวกันนั้นบัวเงินเปิดกล่องเครื่องประดับ แล้วค่อยๆหยิบสิ่งหนึ่งซึ่งเล็กจิ๋วออกมาวางบนฝ่ามือ
“หม่อมกะเจ้า อิ๋นคำตั๋วนี้ หม่อมยังเก็บฮักษาไว้อยู่อีกก๊าเจ้า” ผีอีเม้ยคลานเข้ามา
“กูเกยคิดว่าคงบ่มีโอกาสได้ใจ้มันแล้ว แต่พอกูหันความง่าวของอีวงพระจันทร์ กูก็อดบ่ได้” บัวเงินมองอิ๋นคำในมือหวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต ครั้งที่เธอนำอิ๋นคำมาบูชา และร่ายคาถายาวเหยียดหวังเรียกให้เจ้าศิริวัฒนากลับมารักกลับมาหลง แต่เจ้าศิริวัฒนาเรียกมณีรินขึ้นไปหาในห้อง
ทำงาน และถอดแหวนทับทิมเม็ดเป้งออกจากนิ้วก้อย มาสวมที่นิ้วนางของเธอ
“แหวนวงนี้ยังบ่ใจ่แหวนแต่งงานเน้อเจ้าริน แหวนตี้อ้ายจะสวมหื้อเจ้าริน แม่เจ้าเปิ้นยังเลือกเพชรบ่ได้ น้ำยังบ่ถูกใจ๋เปิ้น สล่าพันเปิ้นก่อฮ้อนใจ๋ กลั๋วว่าจะทำแหวนหื้อบ่ตัน” เจ้าศิริวัฒนาเอ่ย
มณีรินไหว้เจ้าศิริวัฒนาทั้งที่ในใจไม่อยากได้เลยสักนิด
บัวเงินที่แอบดูอยู่กับอีเม้ยทนดูไม่ได้ถลันเข้ามาแทรกพลางทัก ว่าแหวนที่นิ้วนางมณีรินงามนัก
“อ้ายเพิ่งหื้อเจ้ารินเปิ้นเดี๋ยวนี้เอง เจ้ารินเปิ้นจ่วยอ้ายแปลเอกสารภาษาฝรั่ง” เจ้าศิริวัฒนาตอบ
“เจ้านางน้อยนี้เก่งแต๊ๆสมแล้วตี้มาเป็นกู่บุญบารมีเจ้าอ้ายนะเจ้า” บัวเงินเอื้อมมือไปจับมือมณีริน ทำทีเป็นชื่นชม แต่ในใจคลั่งแค้นยิ่งนัก
บัวเงินกลับมาอาละวาดที่เรือน อีเม้ยกระโดดหลบหนีตายเป็นพัลวัน มันรอจนบัวเงินอารมณ์เย็นลงจึงเข้ามาแนะนำ
“หม่อมเจื่อเม้ยเต๊อะ อีมณีรินมันต้องทำเสน่ห์ยาแฝดใส่เจ้าเปิ้นแน่ๆ บ่ยังอั้นเจ้าเปิ้นบ่หลงมันจนขาดสติอย่างนี้หรอก เม้ยผ่อบ่ผิดหรอกอีพวกมาจากบ้านป่าเมืองเถื่อนมนต์ดำมันแฮงนัก”
“แล้วกูจะทำอย่างไดดีอีเม้ย” บัวเงินหันมาปรึกษา
“บ่ยากหรอกเจ้าหม่อม มันเล่นมนต์ดำมาเฮาก่อต้องตอบมันกลับไปด้วยมนต์ดำเหมือนกั๋น” อีเม้ยมีแผนในใจ
ooooooo
เรรินเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น และเห็นรูปถ่ายเจ้าศิริวัฒนาตั้งอยู่ก็ชะงักเธอเดินเข้าไปหารูปถ่ายนั้นเหมือนต้องมนต์พลางเอ่ย
“เจ้าคะ...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...ยังไงฉันก็จะกลับเข้าไปทอผ้าผืนนั้นให้เสร็จให้ได้ค่ะ”
“เจ้าศิริวัฒนา ท่านปู่ของผมเองครับ” สุริยวงศ์ตามเข้ามา
เรรินตกใจหันกลับมาถาม “ท่านเป็นปู่แท้ๆของคุณเหรอคะ”
“ไม่หรอกครับ คุณปู่แท้ๆของผมท่านเป็นญาติห่างๆ ลูกพี่ลูกน้องกับท่านน่ะครับ ท่านปู่ศิริวัฒนาท่านไม่มีลูกหลาน”
“แล้วคุณย่าบัวเงินของคุณ...ไม่ได้แต่งงานกับท่านเหรอคะ”
“ผู้ใหญ่บางคนก็เล่าว่าท่านได้แต่งงานกันแต่บางคนก็ว่าไม่ทันได้แต่งงานครับ คุณย่าเองก็เหมือนไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ ผมก็เลยไม่กล้าถาม แปลกนะครับปกติคนแก่มักชอบเล่าเรื่องในอดีตให้ลูกหลานฟัง แต่คุณย่าของผมท่านกลับไม่...หลายวันก่อนผมไปเยี่ยมท่าน ท่านยังถามถึงคุณรินอยู่เลย” สุริยวงศ์นึกได้
“ถามถึงฉัน” เรรินสยอง
“ครับ...ท่านยังว่า อยากเจอคุณรินอีกสักครั้ง จะได้ให้คุณรินชมผ้าโบราณของท่านด้วย” สุริยวงศ์ยิ้มจริงใจ แต่เรริน กลับหนาวสะท้านเมื่อนึกถึงเรื่องราวของบัวเงินกับผีอีเม้ย
สุริยวงศ์บอกกับเรรินว่า วันนี้เขามีธุระหลายอย่างต้องออกไปทำ และคงจะกลับตอนเย็นๆขอให้เธอพักผ่อนตามสบาย และถ้ามีอะไรก็โทร.หาได้ตลอดเวลา
“ขอบคุณค่ะ” เรรินยิ้มให้
สุริยวงศ์เดินไปขึ้นรถแล้วขับรถออกไป เรรินมองตามจนแน่ใจว่าชายหนุ่มไปแล้วแน่ จึงเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้า และเก็บของใช้ประจำตัวใส่ย่าม แล้วแอบย่องออกมาจากบ้านพร้อมความมุ่งมั่นที่จะทอผ้าผืนนั้นให้เสร็จและไม่รู้ตัวเลยว่า สุริยวงศ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในรถสะกดรอยตามเธอไป
ขณะที่สุริยวงศ์แอบติดตามเรริน เรื่องราวในอดีตก็ดำเนินมาถึงตอนที่ อีเม้ยเข้ามารายงานบัวเงินเรื่องหมอทำเสน่ห์ “เม้ยไปสืบมาแล้วกะเจ้าหม่อม หมอคนนี้เปิ้นบ่ใจ่คนเมือง แต่เปิ้นมาอยู่เจียงใหม่เมินหลายปี๋แล้ว เปิ้นรอบรู้วิชาคุณไสยทางเขมรปุ๊นไผไปทำก่อได้ผลกั๋นกู้คน อีแม่ญิงหน้าดำแก่หนังเหี่ยวหนังยาน ผัวไปเอาเมียน้อย หมอเปิ้นทำพิธีหื้อบ่ตันข้ามวัน ผัวเปิ้นยังกลับมาหาเลยนะเจ้าหม่อม”
“กูกั๋วนะอีเม้ย มึงก็ฮู้ ใครเล่นคุณไสยมนต์ดำ มันเป๋น เรื่องผิดอาญาแผ่นดิน ถ้าถูกจับได้โทษถึงตัดหัวประจานเชียวนะมึงอีเม้ย” บัวเงินหน้าเครียด
“หม่อมบ่ต้องกั๋ว บ่มีไผฮู้เรื่องนี้หรอก ถ้าเคราะห์ร้ายความจะแตกจริงๆ เม้ยจะยอมฮับผิดแต๋นหม่อมเองก่อได้ ขอแค่ได้หันหม่อมของเม้ยมีความสุขจะเอาเม้ยไปฆ่าแกงตี้ไหนก่อได้เม้ยยอมทั้งนั้น” อีเม้ยถวายชีวิต
“โธ่...อีเม้ย กูจะหาขี้ข้าตี้ไหนหัวใจ๋ประเสริฐอย่างมึงบ่มีอีกแล้ว” บัวเงินซาบซึ้งใจ
ooooooo
เรรินกลับเข้ามาในคุ้มหลวงได้อีกครั้ง  เธอตรงไปที่ห้องทอผ้าและใช้เทคนิคคล้องกุญแจพรางสายตาผู้คนเพื่อเข้าไปในนั้น สุริยวงศ์ที่แอบดูอยู่นึกประหลาดใจ ขณะที่เรรินก็เข้าประจำที่แล้วลงมือทอผ้าต่อ
เจ้าศิริวัฒนาปรากฏกายขึ้น เขาแสดงความเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และเตือนไม่ให้เรรินไปพบบัวเงินตามคำเชิญเพราะสองนายบ่าวโหดเหี้ยมมาก
“เจ้าไม่มีวันให้อภัยหม่อมบัวเงินได้” เรรินเงยหน้าขึ้น
“คุณไปดูให้เห็นด้วยตาตัวเองเถอะ แล้วคุณจะรู้ว่า คนอย่างบัวเงินสมควรจะได้รับการให้อภัยหรือไม่” เจ้าศิริวัฒนาพาเรรินกลับไปในอดีต
ชาวบ้านมุงดูปาหี่มายากลกันอย่างสนุกสนานกลางตลาด เจ้าศิริวงศ์ยืนปะปนอยู่ด้วย บัวเงินกับอีเม้ยที่แต่งเป็นชาวบ้านเดินผ่านมาทั้งคู่ดูรีบเร่ง เจ้าศิริวงศ์หันไปเห็นก็จะเข้าไปทักแต่เฉลียวใจ เพราะปกติบัวเงินจะไปไหนต้องมีบ่าวไพร่ติดตามมากมายเพื่อให้สมเกียรติ เจ้าหนุ่มจึงได้แต่มองตามทั้งคู่ที่เดินหายไปทางป่าช้าหลังวัด
เพียงครู่เดียวอีเม้ยก็พานายของมันลัดเลาะมาถึงบ้านหมอเสน่ห์ บัวเงินชักกลัวรีบถามย้ำกับอีเม้ย
“มึงแน่ใจ๋ก๊ะอีเม้ย ว่าเปิ้นจะเก็บความลับของกูเอาไว้ได้”
“เม้ยบ่ได้บอกเปิ้นว่าหม่อมเป๋นไผหม่อมบ่ต้องกั๋วหรอกเจ้า ตบรางวัลหื้อเปิ้นงามๆก่อปอใจ๋แล้ว อีกอย่างขืนเปิ้นปากสว่างภัยก่อมาถึงตั๋วเปิ้นเอง เปิ้นฮู้” อีเม้ยนำบัวเงินเข้าไป
ในห้องพิธีอับทึบคละคลุ้งด้วยควันธูปโต๊ะตั่งตั้งเครื่องบูชาสารพัดสิ่งศักดิ์สิทธิ์สายคุณไสยมนต์ดำ หมอเสน่ห์ลืมตาขึ้นจากบริกรรมเอ่ยทักบัวเงิน
“งามขนาดนี้ทำไมผัวทิ้ง มึงเคยถามตัวเองไหม”
“อีคนนั้นมันทำเสน่ห์ใส่ผัวนายเฮาก่อน ป้อหมอต้องจ่วยนายเฮา” อีเม้ยตอบแทน
“กูเลิกทำเรื่องพรรค์นี้มาเมินแล้ว มึงก่อฮู้ อาญาแผ่นดินถึงขั้นตัดหัวเชียวนะมึง” หมอเสน่ห์เล่นตัว
บัวเงินรู้ทันหยิบถุงเงินออกมาเท ตามด้วยกำไลทองในแขนเป็นค่าตอบแทน จนหมอพอใจ
ขณะที่หมอเสน่ห์ทำพิธีให้บัวเงินอยู่นั้น มณีรินก็ออกมาช่วยบริวารแผ่ถั่วเน่าเป็นแผ่นเพื่อนำไปตากแดด เธอพยายามจะถอดแหวนของเจ้าศิริวัฒนาออกเพราะทำงานไม่ถนัด คำเที่ยงร้องห้ามอ้างว่า เจ้าศิริวัฒนาจะเสียใจ แต่มณีรินไม่ฟัง เธอย้อนถามคำเที่ยงว่าชอบแหวนวงนี้มากใช่ไหม คำเที่ยงตอบรับหวังเอาใจ
“งั้นเฮาหื้อปี้คำเที่ยง...ใส่ไว้เน้อ” มณีรินถอดแหวนยัดเยียดใส่มือคำเที่ยงแล้วหันไปละเลงถั่วเน่ากับบริวารเป็นที่สนุกสนาน คำเที่ยงมองอย่างระอาใจ

No comments:

Post a Comment

My Blog List